วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วันมะเร็งโรค

สาเหตุของโรคมะเร็ง 5 สาเหตุใกล้ตัวก่อมะเร็ง


อัพเดท 30 มิถุนายน 2554 01:23 - อ่าน 6,374 - หมวดหมู่ โรค และการรักษาโรค

++ แชร์ผ่าน Social Network ให้เพื่อนได้ดูด้วยคลิก ++




มะเร็ง คือ กลุ่มของโรคที่เกิดเนื่องจากเซลล์ของร่างกายมีความผิดปกติ ที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโต มีการแบ่งตัวเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ รวดเร็ว และมากกว่าปกติ ดังนั้น จึงอาจทำให้เกิดก้อนเนื้อผิดปกติ และในที่สุดก็จะ ทำให้เกิดการตายของเซลล์ในก้อนเนื้อนั้น เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะการ เจริญเติบโตของหลอดเลือด ถ้าเซลล์พวกนี้เกิดอยู่ในอวัยวะใดก็จะ เรียกชื่อ มะเร็ง ตามอวัยวะนั้นเช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็ง เม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
เท่าที่มีรายงานไว้ใน ขณะนี้ มะเร็งที่พบในร่างกายมนุษย์มีมากกว่า 100 ชนิด มะเร็งแต่ละชนิดจะมีการ ดำเนินของโรคไม่เหมือนกัน เช่น มะเร็งปอด มะเร็งสมอง จะมีการดำเนินชนิดของ โรค ที่รุนแรง ผู้ป่วยจะมีชีวิตการอยู่รอดสั้นกว่าผู้ป่วยมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
ดังนั้น การรักษามะเร็งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เป็นมะเร็ง ระยะของมะเร็ง สภาพร่างกาย และความเหมาะสม ของผู้ป่วยมะเร็ง การรักษาจะยากหรือง่ายนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็งและ การดำเนินโรคของมะเร็งด้วย เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งผิวหนัง รักษาง่ายกว่า มะเร็งปอด มะเร็งสมอง เป็นต้น
1. ไม่มีอาการใดเลยในช่วงแรกขณะที่ร่างกายมีเซลล์มะเร็งเป็นจำนวนน้อย
2. มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งตามสัญญาณอันตราย 8 ประการ ที่เป็นสัญญาณเตือน ว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อการตรวจค้นหาโรคมะเร็ง หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้มีสัญญาณ เหล่านี้ เพื่อการรักษาและแก้ไขทางการแพทย์ที่ถูกต้องก่อนที่จะกลายเป็นโรคมะเร็ง หรือเป็นมะเร็งระยะลุกลาม
3. มีอาการป่วยของโรคทั่วไป เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ร่างกายทรุดโทรม ไม่สดชื่น และไม่แจ่มใส
4. มีอาการที่บ่งบอกว่า มะเร็งอยู่ในระยะลุกลาม หรือเป็นมาก ขึ้นอยู่กับว่าเป็นมะเร็ง ชนิดใดและมีการกระจายของโรคอยู่ที่ส่วนใดของร่างกายที่สำคัญที่สุดของอาการ ในกลุ่ม นี้ ได้แก่ อาการเจ็บปวด ที่แสนทุกข์ทรมาน
สัญญาณอันตราย 8 ประการที่ทุกคนควรจะจำไว้เพื่อสุขภาพที่ดี ได้แก่

1.มีการเปลี่ยนแปลงของระบบขับถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะ เช่น ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรือปัสสาวะเป็นเลือด
2. กลืนอาหารลำบาก หรือมีอาการเสียด แน่นท้องเป็นเวลานาน
3. มีอาการเสียงแหบ และไอเรื้อรัง
4. มีเลือดหรือตกขาวที่ผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็น
5. แผลซึ่งรักษาแล้วไม่ยอมหาย
6. มีการเปลี่ยนแปลงของหูดหรือไฝตามร่างกาย
7. มีก้อนที่เต้านมหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
8. หูอื้อหรือมีเลือดกำเดาไหล

หนังสือ The America Cancer Society’s book กล่าวว่า กระบวนการก่อตัวของเซลล์มะเร็งนั้นเกิดจากปัจจัยหลากหลายทั้งจากภายนอกและ ภายใน เช่น สารก่อมะเร็งที่คนเราได้รับในชีวิตประจำวัน และการทำกิจกรรมต่างๆ ที่กระตุ้นให้เซลล์ทำงานผิดปกติ

      แม้ปัจจุบันวงการแพทย์จะยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าสาเหตุใด คือ ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็ง แต่ก็เป็นที่ยอมรับกันว่าสาเหตุดังต่อไปนี้ คือ ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดเนื้องอกและเซลล์ร้ายในร่างกาย

1. ภูมิชีวิต (Immune System) บกพร่อง

      “มะเร็งไม่ใช่โรค” คือ คำกล่าวที่อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูชีวจิตกล่าวถึงโรคมะเร็งในหนังสือมะเร็งแห่งชีวิต เพราะความเจ็บป่วยที่ถือว่าเป็นโรค ซึ่งอาจารย์สาทิสยึดตามคำจำกัดความด้านการแพทย์นั้นต้องเกิดจากเชื้อโรคเป็น ต้นเหตุ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว และพยาธิเท่านั้น ส่วนมะเร็งนั้นถือว่าเป็นเนื้องอกหรือกลุ่มเซลล์ที่ผิดปกติและไม่สามารถควบ คุมได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์ร้ายนั้น คือ กระบวนการกลายพันธุ์ และปัจจัยที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ก็คือ ความบกพร่องของภูมิชีวิตนั่นเอง
      อาจารย์สาทิสกล่าวว่า “Immune System เป็นตัวคุ้มครองป้องกันชีวิตของคุณ เหมือนอย่างตำรวจ ทหารที่เป็นผู้คุ้มกันสร้างความสงบสุขให้กับประเทศ...นอกไปจากนั้น Immune System ยังเป็นผู้ทำนุบำรุงเลี้ยงร่างกายให้ใหญ่โต แข็งแรง เป็นตัวสร้างพลังทั้งปกติและพิเศษในตัวคนเราอีกด้วย
      “Immune System ตามแนวทางชีวจิต นอกจากจะหมายถึง Immune System โดยตรงแล้วยังครอบคลุมไปถึงระบบอื่นๆของร่างกายด้วย เช่น ระบบย่อย ระบบเลือด”
      ดังนั้นความบกพร่องของ Immune System จึงทำให้อวัยวะในร่างกายและเซลล์ต่างๆทำงานผิดปกติ ซึ่งปัจจัยที่ทำลาย Immune System ก็คือ การที่ร่างกายมีสารพิษหรือ Toxin มากเกินไป ซึ่งอาจารย์สาทิสกล่าวว่า ความผิดทั้งทางกายและทางใจล้วนเป็นตัวสร้าง Toxin ไม่ว่าจะเป็นการกิน นอน พักผ่อน ทำงานที่ผิด และขาดการออกกำลังกายรวมถึงความเครียด
      เมื่อร่างกายสะสม Toxin ไว้มากโดยไม่ได้ขับออกโดยระบบขับถ่ายหรือการออกกำลังกาย สารพิษต่างๆจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ Immune System และการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายบกพร่อง

      การดูแลรักษาภูมิชีวิตให้แข็งแรงจึงเป็นดั่งปราการปกป้องมะเร็งได้ค่ะ

2. พฤติกรรมการกิน

      คำกล่าวที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอนั้นสามารถใช้ได้กับทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่การกิน เพราะเมื่อใดที่เรากินอาหารดีมีประโยชน์ เซลล์ทั่วร่างกายก็จะเติบโตแข็งแรง แต่เมื่อใดที่เรากินอาหารที่อุดมไปด้วยแป้งขาว ไขมัน และสารพิษ เมื่อนั้นร่างกายก็จะอ่อนแอ และถูกโรคภัยนานาชนิดคุกคามได้ง่าย
      พฤติกรรมการกินแบบชาวตะวันตกนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้ร่างกายทำ งานผิดปกติ เพราะอาหารที่ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน เต็มไปด้วยแป้งและเนื้อสัตว์ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์ร้าย
      อาหารฟาสต์ฟู้ดยังเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ระบบเผาผลาญน้ำตาล ก่อให้เกิดอาการอักเสบในเซลล์และอวัยวะต่างๆ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ส่งเสริมให้เกิดเซลล์มะเร็ง ด้วย
      ดังที่อาจารย์สาทิส กล่าวว่า “อาหารที่เข้าปากเรากับอาหารที่ไปบำรุงร่างกายนั้นไม่เหมือนกัน เพราะเมื่ออาหารเข้าสู่ร่างกาย ก็จะถูกย่อยและทำให้เป็นสารอาหาร”
     ดังนั้น ถ้าเรากินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น แป้งขัดขาว เนื้อสัตว์ที่อุดมไปด้วยกรดแอมิโนที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย และไขมันเลวชนิดที่ร่างกายไม่ต้องการ เมื่อเข้าสู่ระบบย่อยก็จะกลายเป็นสารพิษ และจะถูกดูดซึมเข้าร่างกาย ร่างกายของเราจึงเต็มไปด้วยสารพิษซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ Immune System ตก
      ที่สำคัญยังก่อให้เกิดโรคอ้วนด้วย ซึ่งโรคอ้วนก็ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคไขมันในเส้นเลือดสูง และความดันโลหิตสูง ทั้งยังมีผลต่อการเกิดโรคมะเร็งมากถึง 35 เปอร์เซ็นต์
      จากสถิติในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า การมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 17 เปอร์เซ็นต์ ในผู้ชายที่มีน้ำหนักตัวเกินจะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากมะเร็งต่อมลูก หมาก 34 เปอร์เซ็นต์ และในผู้หญิงที่มีภาวะอ้วนจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเต้านม มากกว่าผู้หญิงน้ำหนักปกติ 2 เท่า
     นอกจากนี้การดื่มแอลกฮอล์ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด มะเร็งด้วยดังที่ The National Institutes of Public Health in Denmark ศึกษาพฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชากรชายชาวเดนมาร์คจำนวน 30,000 คน พบว่าผู้ชายที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์มากกว่าวันละ 2 แก้วทุกวัน จะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (Rectal Cancer) มากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มสามเท่า
      และผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์วันละครึ่งแก้วทุกวัน จะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านมมากว่าผู้หญิงทั่วไป 6 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้หญิงที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์มากกว่าวันละ 2 แก้วทุกวัน จะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเต้านมมากว่าผู้หญิงทั่วไป 21 เปอร์เซ็นต์

เรื่องใกล้ตัวอย่างอาหารการกินจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญก่อมะเร็งค่ะ

3. วิถีชีวิต

      เราอาจกล่าวได้ว่าวิถีชีวิตนั้นสามารถก่อมะเร็งได้เท่าๆกับป้องกันมะเร็ง เพราะวิถีชีวิตที่ดีนั้นสามารถป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ได้ เช่น ผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะมีระบบเผาผลาญ ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบกำจัดของเสียออกจากร่างกายที่มีประสิทธิภาพมากกว่าผู้ที่ไม่ออกกำลัง กาย ขณะที่การดำเนินชีวิตแบบไม่ใส่ใจสุขภาพ ส่งผลให้คนเรามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งมากถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เช่น ขาดการออกกำลังกาย สูบบุหรี่ และดื่มแอลกฮอล์ ล้วนเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ร่างกายอ่อนแอ และเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
      จากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างวิถีชีวิตและการเกิดโรคมะเร็ง พบว่าผู้ที่ไม่ออกกำลังกายจะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งสูงกว่าผู้ที่ออกกำลัง กายเป็นประจำ เพราะมีไขมันสูงและการมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยก่อโรคมะเร็งเช่นกัน
      นอกจากนี้ความเครียดยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความผิดปกติในร่างกาย เพราะเมื่อเครียดร่างกายจะทำงานผิดปกติ และระบบต่างๆในร่างกายจะแปรปรวน
      ดังอาจารย์สาทิส กล่าวว่า “เมื่อคุณคิดผิดๆ คิดถึงแต่ความโลภ ความโกรธ ความเกลียด หรือคิดถึงแต่ความอยากได้ อยากได้อะไรต่ออะไรร้อยแปด นั่นคือ มะเร็งในความคิด...มะเร็งในความคิดจะขยายต่อไปเป็นมะเร็งในร่างกาย”

      การใส่ใจสุขภาพด้วยการหันมาออกกำลังกาย ลดความเครียด และกินอาหารที่มีประโยชน์ จึงเป็นเกราะป้องกันมะเร็งและโรคร้ายอื่นๆได้ เพราะสาเหตุใกล้ตัว คือ ต้นตอใหญ่ของมะเร็งร้ายทุกชนิด

4. สิ่งแวดล้อม

      การมีชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีนั้น ถือเป็นหนึ่งในปัญจกิจของชีวจิตที่อาจารย์สาทิส ได้บัญญัติขึ้น เพราะการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปราศจากสารพิษนั้นส่งเสริมให้เรามี สุขภาพดี
      ในทางกลับกัน หากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษสุขภาพของเราก็จะทรุดโทรม และถูกโรคนานาชนิด โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่สิ่งแวดล้อมมีผลกระทบมากถึง 25 เปอร์เซ็นต์
     ถึงแม้ว่าร่างกายจะมีกลไกขับสารพิษโดยอัตโนมัติ แต่หากมนุษย์ได้รับสารพิษเป็นจำนวนมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน เซลล์ปกติก็จะค่อยๆกลายเป็นเซลล์มะเร็ง เพราะสารเคมีบางชนิดที่เราได้รับในชีวิตประจำวันนั้น สามารถทำร้ายเซลล์ได้ลึกถึงดีเอ็นเอเลยทีเดียว
      ส่วนใหญ่เรามักได้รับสารก่อมะเร็งจากอาหาร อากาศ น้ำดื่ม และอุปกรณ์อื่นๆในชีวิตประจำวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ ไมโครเวฟ และการเอกซเรย์ และสารพิษที่เราได้รับมักเป็นสารเคมีจำพวกยาฆ่าแมลง ฮอร์โมนที่อยู่ในเนื้อสัตว์ สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ ยาฆ่าแมลง และควันบุหรี่ซึ่งถือว่าเป็นสารพิษที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด
      The American Cancer Society เผยว่าในจำนวนผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดนั้น มีผู้ที่สูดควันบุหรี่มือสองเป็นจำนวนถึง 3,000 คน และผู้ที่ได้รับสารพิษที่ตกค้างจากควันบุหรี่ในสิ่งแวดล้อม เช่น เส้นผม เสื้อผ้า ผนัง และเฟอร์นิเจอร์ ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับสารเคมีและสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะสารตะกั่วมากเช่นเดียวกับบุหรี่มือสอง
      นอกจากนี้ สารตะกั่วแล้วสารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้านยังส่งผลเสียต่อร่างกาย ด้วย ดังผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Occupational and Environmental Medicine ที่พบว่าสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนนั้นมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรค มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก
      นอกจากสารเคมีแล้วอาหารตัดต่อพันธุกรรมยังเป็นตัวการก่อโรคมะเร็งได้ด้วย เพราะมีรายงานว่าเมื่อเรากินอาหารตัดต่อพันธุกรรมเข้าไป อาหารดังกล่าวจะเข้าไปทำลายดีเอ็นเอในเซลล์ให้เสียหาย ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วยและโรคมะเร็ง

สิ่งแวดล้อมจึงถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กำหนดสุขภาพของเราทุกคน

5. พันธุกรรม

      นอกจากลักษณะทางกายภาพภายนอก เช่น สีผิว ตา และผม ที่เราได้รับมาจากบรรพบุรุษแล้ว บางคนยังอาจได้รับยีนส์ (Genes) หรือสารพันธุกรรมที่ซุกซ่อนการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกายมา เช่น ยีนส์ BCRA1 และ BCRA2 ซึ่งเป็นยีนส์ที่เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเต้านมและรังไข่มากถึง 40-80 เปอร์เซ็นต์
      นอกจากนี้โรคมะเร็งเต้านม รังไข่ ต่อมลูกหมาก และลำไส้ใหญ่ จะถูกส่งต่อจากญาติที่ใกล้ชิดที่สุดคือ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ และพี่น้อง แต่การมีพันธุกรรมมะเร็งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นจะต้องป่วยเป็นโรค มะเร็งเสมอไป เพราะผลการศึกษาโรคมะเร็งในฝาแฝดที่มียีนส์มะเร็งทั้งคู่ พบว่าโดยทั่วไปแล้วจะมีฝาแฝดเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เป็นโรคมะเร็ง
      ส่วนคนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งนั้น ถือว่ามีความเสี่ยงต่อโรคนี้เช่นกัน เพราะอาจมีพฤติกรรมก่อมะเร็งที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น เช่น การสูบบุหรี่ ความเครียด และวิถีชีวิต
     ทว่า เมื่อเปรียบเทียบปัจจัยทางด้านพันธุกรรมแล้ว นักวิจัยและแพทย์ต่างเห็นว่าพันธุกรรมนั้นมีผลกระทบน้อยที่สุด และเป็นปัจจัยที่ทุกคนสามารถยับยั้งได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

ประวัติวันวาเลนไทน์

  วันวาเลนไทน์ (Valentine'sDay) วันนักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine's Day) หรือที่รู้จักกันว่า วันแห่งความรัก ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันประเพณีที่คู่รักบอกให้กันและกันทราบเกี่ยวกับความรักของพวกเขา โดยการส่งการ์ดวาเลนไทน์ มอบของขวัญวาเลนไทน์ หรือพาคนรักไปท่องเที่ยวในสถานที่โรแมนติก ซึ่งต่อมาวันวาเลนไทน์ ก็ได้นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรปและอเมริกา และเข้ามาในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทยด้วย 
          วันนี้เริ่มเกี่ยวข้องกับความรักแบบชู้สาวในช่วงยุค High Middle Ages เมื่อประเพณีความรักแบบช่างเอาใจ (courtly love) แผ่ขยายก่อนคริสตศักราช 269 ปี 

          ในสมัยนั้นเขาไม่นิยมให้แต่งงานกันในโบสถ์ แต่เซนต์วาเลนไทน์กลับให้คนภายนอกเข้ามาแต่งงานได้ซึ่งประเพณีรักแบบนี้มักจะถูกต่อต้าน แต่เซนต์วาเลนไทน์กลับให้คนรักกันแบบนี้ได้ จากนั้นเซนต์วาเลนไทน์ถูกพวกโรมันจับตัวส่งไปขังและเขาก็ได้พบรักกับสาวตาบอดในคุก เมื่อฝ่ายที่ว่ามานี้รู้ข่าวเข้าจึงนำเซนต์วาเลนไทน์ไปประหารวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันนี้จึงเป็นวันวาเลนไทน์นั่นเอง

ความเป็นมา

          วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน่ซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia 
          การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณีอย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็กๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด 

          ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) นั้น กรุงโรมได้เกิดสงครามหลายครั้ง และคลอดิอุสเองก็ประสบกับปัญหาในการที่จะหาทหารจำนวนมากมายมหาศาลมาเข้าร่วมในศึกสงคราม และเขาเชื่อว่าเหตุผลสำคัญก็คือ ผู้ชายโรมันหลายคนไม่ต้องการจากครอบครัว และคนอันเป็นที่รักไป และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสประกาศให้ยกเลิกงานแต่งงาน และงานหมั้นทั้งหมดในกรุงโรม 
          ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีนักบุญผู้ใจดีคนหนึ่งซึ่งชื่อว่า ท่านนักบุญวาเลนไทน์ ท่านเป็นพระที่กรุงโรมในสมัยของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์และนักบุญมาริอุส ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กรเล็กๆ เพื่อช่วยเหลือชาวคริสเตียนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ และได้จัดให้มีการแต่งงานของคู่รักอย่างลับๆ ด้วย

          และจากการกระทำเหล่านี้เอง ทำให้นักบุญวาเลนไทน์ถูกจับและถูกตัดสินประหารโดยการตัดศรีษะ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 270 ซึ่งถือเป็นวันที่ท่านได้ทนทุกข์ทรมานและเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์


ประวัติท่านนักบุญวาเลนไทน์
          เซนต์วาเลนไทน์ หรือนักบุญวาเลนไทน์นั้นเป็นพระที่อยู่ในกรุงโรมระหว่างศตวรรษที่ 3 ในเวลานั้นกรุงโรมถูกปกครองโดยจักรพรรดิที่ชื่อว่า "คลอดิอุส" ซึ่งมีนิสัยชอบข่มเหงผู้อื่น ทำให้ไม่เป็นที่รักของประชาชนเท่าใดนัก จักรพรรดิคลอดิอุสต้องการสร้างกองทัพอันยิ่งใหญ่ และหวังให้ชายชาวโรมันทั้งหลายอาสาสมัครเข้ามาเป็นทหารในการสงคราม แต่ก็ไม่มีชายคนใดจะกระทำตามนั้น จักรพรรดิคลอดิอุสจึงออกกฏหมายห้ามให้มีการแต่งงานหรืองานหมั้นใดๆ เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนไม่พอใจรวมทั้งนักบุญวาเลนไทน์เองด้วย 
          ในเวลาต่อมานักบุญวาเลนไทน์ได้จัดการแต่งงานให้กับคู่หญิงสาวหลายคู่ขึ้นอย่างลับๆ ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศการใช้กฏหมายห้ามแต่งงานแล้วก็ตาม นักบุญวาเลนไทน์ยังคงรักที่จะทำพิธีเหล่านี้ โดยภายในงานนั้นจะมีเพียงเจ้าบ่าว เจ้าสาว และท่านนักบุญเท่านั้น พวกเขาจะกระซิบคำสาบานและคำอธิษฐานต่อกัน ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงการเดินตรวจตราของเหล่าทหารด้วย 

          แต่แล้วคืนหนึ่ง ในขณะที่กำลังทำพิธีแต่งงานอย่างลับๆ อยู่นั้นเอง ท่านนักบุญวาเลนไทน์เกิดได้ยินเสียงผีเท้าของทหาร แต่โชคดีที่คู่บ่าวสาวนั้นหนีออกไปจากโบสถ์ได้ทัน ในที่สุดนักบุญวาเลนไทน์จึงถูกจับขังคุกและถูกทรมานอย่างแสนสาหัส ท่านพยายามให้กำลังใจตัวเองทุกๆ วัน 

          และแล้ววันหนึ่งสิ่งวิเศษก็เกิดขึ้น เด็กหนุ่มสาวหลายคนมาที่คุกเพื่อจะมาเยี่ยมท่านนักบุญ พวกเขาโยนดอกไม้และกระดาษซึ่งเขียนข้อความต่างๆ เข้าไปทางช่องหน้าต่างของคุก พวกเขาต้องการให้นักบุญวาเลนไทน์รู้ว่า พวกเขาเองก็มีความเชื่อและศรัทธาในความรักด้วยเช่นกัน 
          หนึ่งในเด็กสาวเหล่านั้น เป็นลูกสาวของผู้คุม ซึ่งพ่อของเธอได้อนุญาตให้เธอเข้าไปเยี่ยมนักบุญวาเลนไทน์ได้ในคุก บางครั้งพวกเขาจะนั่งคุยกันนานนับชั่วโมง หล่อนช่วยให้กำลังใจท่านนักบุญ และเห็นด้วยกับการที่ท่านปฏิเสธกฏหมายห้ามการแต่งงานนั้น อีกทั้งยังสนับสนุนการแต่งงานอย่างลับๆ ของท่านนักบุญอีกด้วย 

          ในวันที่นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตนั้น ท่านได้เขียนจดหมายไว้ฉบับนึงเพื่อเป็นการขอบคุณในมิตรภาพและความจงรักภักดีของหญิงสาวผู้นั้น แล้วท่านนักบุญก็ลงท้ายจดหมายฉบับนั้นว่า " Love from your Valentine. " 

          ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงมีประเพณีการแลกเปลี่ยนจดหมายรักซึ่งกันและกันในวันวาเลนไทน์ โดยจะเขียนขึ้นในวันที่นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิต คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปีคริสตศักราช 270 และปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงท่านนักบุญวาเลนไทน์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของวันนี้คือ การมอบความรักและมิตรภาพให้แก่กันและกัน 

          และทุกๆ ครั้งที่ผู้คนต่างนึกถึงจักรพรรดิคลอดิอุส เขาก็จะจำได้ถึงวิธีการที่คลอดิอุสพยายามจะมาแทนที่หนทางของความรัก แล้วก็จะพากันหัวเราะ เพราะว่าพวกเขาต่างรู้ดีว่าความรักนั้นไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนหรือแทนที่ได้เลย


สัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์

          เทพเจ้าคิวปิด ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมันในรูปเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยัง หัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม) 

          วีนัสอิจฉา "ไซกี" ธิดาของกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่กำลังแรกรุ่นและสวยกว่าวีนัสมาก นางเลยส่งคิวปิดไปหาไซกี เพื่อบันดาลให้ไซกีมีความรักกับบุรุษเพศ แต่คิวปิดแอบหลงรักไซกีและพามาที่วัง และแอบมาหาในตอนกลางคืน เพื่อไม่ให้ไซกีรู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่มีคนอิจฉายุให้ไซกีแอบดูตอนคิวปิดนอนหลับ 
          ด้วยความตื่นเต้นที่เห็นคิวปิดเป็นหนุ่มรูปงามแลยเผลอทำน้ำมันตะเกียงหกใส่คิวปิด เมื่อคิวปิดตื่นขึ้นก็โกรธมากที่นางขัดคำสั่งจึงทิ้งนางไป เมื่อโดนทิ้งไปไซกีก็ออกตามหาคิวปิด ซึ่งตลอดเวลาไซกีถูกนางวีนัสกลั่นแกล้งต่างๆ นานา จนคิวปิดต้องเข้ามาช่วย เทพเจ้าจูปิเตอร์เห็นใจช่วยให้ทั้งสองครองรักกัน

 คำว่า "Valentine" มีความหมายแยกตามตัวอักษร ได้ดังนี้

          V คือ VERITY ความจริงที่มีอยู่ ซึ่งความจริงแล้วถ้าความจริงสิ่งที่เป็นอยู่ของคุณและเธอ หรือเขาที่มีต่อกันแล้ว ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความเข้าใจก็จะมีเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณทีเดียว ในโลกนี้มีสิ่งที่รู้อยู่เพียง 4 อย่างเท่านั้น คือ คุณรู้ เขาไม่รู้ คุณไม่รู้ เขารู้ คุณรู้ เขารู้ คุณไม่รู้ เขาก็ไม่รู้ ถ้าหากคุณบอกสิ่งที่คุณรู้และเขาไม่รู้ หรือคุณไม่รู้เขาบอกให้คุณรู้ ความรู้นั้นก็จะกลายเป็นสิ่งที่เปิดเผย จะบอกเขาว่ารัก ก็รีบๆ บอกเสียในวันนี้ อย่าบอกว่า การกระทำก็บอกอยู่แล้ว สายตาก็บอกอยู่แล้ว บอกให้ชัดๆ เสียว่า "รักคุณ" 

          A คือ AMBITION เป็นความปรารถนาดีอย่างแรงกล้า คุณจะรัก จะชอบ จะจีบใคร คุณควรมีความปรารถนาอย่างสูง มิใช่เห็นเขาส่งการ์ดให้ ส่งดอกไม้ให้ พาเขาไปฉลองสนุกๆ เท่านั้น คุณควรมีความปรารถนาในความรักอย่างจริงจังมิใช่ทำไปเพื่อตามแฟชั่น หรือเพื่อนพ้องลากไป หรือชวนให้ทำ ไปสรรหาการ์ดสวยๆ สั่งดอกกุหลาบสีแดงสดสวยๆ ไว้ล่วงหน้า พยายามทำด้วยความปรารถนาดีที่มีไฟอยู่ในใจนะ 
         L คือ LENIENT ความผ่อนปรน ความปรานี คุณและเขาหรือเธอควรจะมีการผ่อนปรน หรือสิ่งที่ละทิ้งได้ก็ควรจะละทิ้งไป อย่าเก็บมาใส่ใจให้เป็นขยะในใจ หรือรอยมลทินใจ อย่าคิดอะไรเก่าๆ สมัยนี้ควรที่จะคิด จะนึกได้นะว่า บางอย่างก็ทิ้งๆ ไป เสีย อย่านำมาคิด มีความปรานี เมตตาหรือความรัก ความปรารถนาดีกว่า 

          E คือ EQUALITY ความเสมอภาค ความทัดเทียมกันในสมัยปัจจุบัน คู่รักหรือคนรักกัน ควรจะมีความเท่าเทียมกันมิใช่อยู่ในสมัยบรรจงกราบเช้า กราบเย็น นอนทีหลังตื่นก่อนแล้ว เราต้องก้าวไปด้วยกัน ด้วยความมุ่งมั่นในอนาคต ด้วยความเสมอภาค แต่เราก็คิดเสมอว่าเคียงข้างไปด้วยกัน ขนานกันดีกว่าที่จะมาจูงกัน ก้าวไปด้วยความรักที่มีเท่าเทียมกัน เขามอบอะไรให้เรา เราก็ควรจะตอบแทนให้เขาเท่าๆ กัน พอๆ กัน มิใช่เอารัดเอาเปรียบเขา เขามาแสดงความรัก ความยินดี ด้วยกุหลาบช่อใหญ่ แต่เราให้เขาเพียงดอกเดียว ดูเป็นการเอาเปรียบกันเกินไป จริงอยู่บางคนอาจคิดว่าไม่สำคัญ แต่มันสำคัญที่ใจ ถ้าหากต่างคนต่างให้ความเสมอภาคแล้ว ตาชั่งก็คงไม่เอียงใช่ไหม 

         N คือ NOTABLE การยกย่องให้อยู่ในสภาพที่ดี ถึงแม้คุณจะมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันแล้วก็ตาม คุณก็ควรจะยกย่องเธอหรือเขาให้อยู่ในสถานภาพที่ดีต่อบุคคลทั่วไป คือ เป็นการให้เกียรติยกย่องเธอหรือเขาต่อสังคม ว่าเป็นคนที่สวยเป็นคนที่ดี ไม่ว่าอยู่ต่อหน้า และลับหลัง มิใช่เอาไปนินทา เอาไปเผาต่อหน้าเพื่อนฝูงให้ไหม้เป็นจุณไป หรือพูดคุยตลกคะนอง ลับหลังเธอหรือเขาว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ สู้ฉันไม่ได้ ฉันยอด คุณควรจะยกย่องเธอหรือเขา ในโอกาสที่ควร และในเวลาที่กำลังมีความรักอยู่ด้วยแล้วก็จะดียิ่งทีเดียว 



1. คุณอยากไปเที่ยวซัมเมอร์ที่ไหน
a. ทะเล
b. ภูเขา

2. โทนสีเสื้อผ้าแบบไหนที่คุณจะใส่ไปเที่ยว
a. สีเอิร์ธโทน
b. สีสดใส

3. ของชิ้นไหนที่คุณจะนำติดตัวไปด้วย
a. น้ำหอม
b. หนังสือ

4. มองขึ้นไปบนฟ้าแล้วเห็นก้อนเมฆรูปทรงแปลกๆ คุณคิดว่าคล้ายกับอะไร
a. ทุ่งดอกไม้
b. ที่นอน

5. เดินเล่นอยุ่ในสวน แล้วเจอดอกไม้สวยมาก คุณจะทำยังไงกับมัน
a. ปล่อยไว้กับต้น
b. เด็ดออกมาปักแจกัน


วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

1. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำแนกได้กี่ประเภท
  • ก.  2 ประเภท
  • ข.  3 ประเภท
  • ค.  4 ประเภท
  • ง.  5 ประเภท
2.   อุปกรณ์รับเข้าหลักคืออะไร ?
  • ก.  เมาส์
  • ข.  บาร์โค๊ด
  • ค.  สแกนเนอร์
  • ง.   คีย์บอร์ด
3.   อุปกรณ์แสดงผลหลักของคอมพิวเตอร์คือ ?
  • ก.   ซีพียู
  • ข.  ลำโพง
  • ค.   จอภาพ
  • ง.  ปริ้นเตอร์
4.อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดถือเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์คืออะไร ?
  • ก.  แรม
  • ข.  ซีพียู
  • ค.  ฮาร์ดดิสก์
  • ง.  เมนบอร์ด
5.   อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เป็นหน่วยความจำหลักคืออะไร?
  • ก.  ฮาร์ดดิสก์
  • ข.  ซีดีรอม
  • ค.  เฟลชไดร์ฟ
  • ง.  แรม,รอม
6.   ฮาร์ดดิสก์(Harddisk) เป็นหน่วยความจำประเภทใด ?
  • ก.  หน่วยความจำหลัก
  • ข.  หน่วยความจำสำรอง
  • ค.  หน่วยความจำเสมือน
  • ง. หน่วยความจำชั่วคราว
7. เฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในหน่วยใด ?
  • ก.  หน่วยความจำ
  • ข.  หน่วยรับเข้า
  • ค.  ประมวลผล
  • ง.  หน่วยแสดงผล
8. ปริ้นเตอร์มีกี่ชนิด ?
  • ก.  2 ชนิด 
  • ข.  3 ชนิด
  • ค.  4 ชนิด
  • ง.  5 ชนิด
9. ปัจจุบันเมาส์ที่ได้รับความนิยมมากเพราะไม่มีฝุ่นเข้าไปเกาะได้แก่เมาส์ชนิดใด ?
  • ก.  เมาส์ PS2
  • ข.  เมาส์ USB
  • ค.  เมาส์ลูกกลิ้ง
  • ง.  เมาส์เลเซอร์
10.  ภาพนี้เรียกว่าอะไร ?
  • ก.Barcode
  • ข.HandyDrive
  • ค.Mouse
  • ง.Joystick
เฉลยแบบฝึกทักษะ
เรื่องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประเภทนำเข้าข้อมูล
ข้อ
คำตอบ
1.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
2.
ข. เป็นคำตอบที่ผิด
3.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
4.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
5.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
6.
ข. เป็นคำตอบที่ผิด
7.
ข. เป็นคำตอบที่ผิด
8.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
9.
ข. เป็นคำตอบที่ผิด
10.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

1. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำแนกได้กี่ประเภท
  • ก.  2 ประเภท
  • ข.  3 ประเภท
  • ค.  4 ประเภท
  • ง.  5 ประเภท
2.   อุปกรณ์รับเข้าหลักคืออะไร ?
  • ก.  เมาส์
  • ข.  บาร์โค๊ด
  • ค.  สแกนเนอร์
  • ง.   คีย์บอร์ด
3.   อุปกรณ์แสดงผลหลักของคอมพิวเตอร์คือ ?
  • ก.   ซีพียู
  • ข.  ลำโพง
  • ค.   จอภาพ
  • ง.  ปริ้นเตอร์
4.อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดถือเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์คืออะไร ?
  • ก.  แรม
  • ข.  ซีพียู
  • ค.  ฮาร์ดดิสก์
  • ง.  เมนบอร์ด
5.   อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เป็นหน่วยความจำหลักคืออะไร?
  • ก.  ฮาร์ดดิสก์
  • ข.  ซีดีรอม
  • ค.  เฟลชไดร์ฟ
  • ง.  แรม,รอม
6.   ฮาร์ดดิสก์(Harddisk) เป็นหน่วยความจำประเภทใด ?
  • ก.  หน่วยความจำหลัก
  • ข.  หน่วยความจำสำรอง
  • ค.  หน่วยความจำเสมือน
  • ง. หน่วยความจำชั่วคราว
7. เฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในหน่วยใด ?
  • ก.  หน่วยความจำ
  • ข.  หน่วยรับเข้า
  • ค.  ประมวลผล
  • ง.  หน่วยแสดงผล
8. ปริ้นเตอร์มีกี่ชนิด ?
  • ก.  2 ชนิด 
  • ข.  3 ชนิด
  • ค.  4 ชนิด
  • ง.  5 ชนิด
9. ปัจจุบันเมาส์ที่ได้รับความนิยมมากเพราะไม่มีฝุ่นเข้าไปเกาะได้แก่เมาส์ชนิดใด ?
  • ก.  เมาส์ PS2
  • ข.  เมาส์ USB
  • ค.  เมาส์ลูกกลิ้ง
  • ง.  เมาส์เลเซอร์
10.  ภาพนี้เรียกว่าอะไร ?
  • ก.Barcode
  • ข.HandyDrive
  • ค.Mouse
  • ง.Joystick
เฉลยแบบฝึกทักษะ
เรื่องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ประเภทนำเข้าข้อมูล
ข้อ
คำตอบ
1.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
2.
ข. เป็นคำตอบที่ผิด
3.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
4.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
5.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
6.
ข. เป็นคำตอบที่ผิด
7.
ข. เป็นคำตอบที่ผิด
8.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก
9.
ข. เป็นคำตอบที่ผิด
10.
ก. เป็นคำตอบที่ถูก

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

แบบทดสอบดนตรีสากล

var numChoi = 4; var answers = new Array(20); answers[0] = "ก"; answers[1] = "ค"; answers[2] = "ค"; answers[3] = "ก"; answers[4] = "ก"; answers[5] = "ข"; answers[6] = "ค"; answers[7] = "ก"; answers[8] = "ง"; answers[9] = "ง"; answers[10] = "ง"; answers[11] = "ข"; answers[12] = "ค"; answers[13] = "ข"; answers[14] = "ข"; answers[15] = "ก"; answers[16] = "ข"; answers[17] = "ก"; answers[18] = "ก"; answers[19] = "ค"; function getScore(form) { var score = 0; var currElt; var currSelection; for (i=0; i var correctAnswers = ""; for (i=1; i<=numQues; i++) { correctAnswers += "ข้อที่ " + i + ". \nคำตอบคือ " + answers[i-1] + "\r\n"; } form.solutions.value = correctAnswers ; }

-->

แบบทดสอบ วิชา ดนตรีสากล รหัสวิชา ศ43101 ระดับ ม. 6

เรื่อง วิวัฒนาการดนตรีสากล จำนวน 20 ข้อ คะแนน 20 คะแนน
==============================================================================================
[20 th Century Period ค.ศ.1900-2000]
1. ลักษณะของดนตรีที่มีการใช้บันไดเสียงมากกว่า 1 บันไดเสียงเรียกว่าอะไร ?
ก.โพลีโทนาลิตี้
ข.อโทนาลิตี้
ค.นาโนโทราลิตี้
ง.ไมโครนาลิตี้
2. ข้อที่น่าสังเกต เพลงในศตวรรรษนี้มี ลักษณะในแนวทางใด ?
ก.Romantic
ข.Rock
ค.Classic
ง.Pop
3. ผู้ประพันธ์คนใดเป็นทั้ง ผู้ประพันธ์ เพลงและนักไวโอลิน ?
ก.อารอน คอปแลนด์
ข.อีกอร์ สตราวินสกี
ค.พอล ฮินเดมิธ
ง.อาร์โนลด์ โชนเบิร์ก
4. ผลงานการประพันธ์ของชอสตาโกวิธที่เป็นผลงานขนาดใหญ่คืออะไร ?
ก.ซิมโฟนี 15 บท
ข.เพลงเต้นรำ ดนตรีแจ๊ส
ค.Zyklus สำหรับเครื่องประกอบจังหวะ
ง.โอเปร่า
5. เครื่องมือเครื่องใช้ของคนในการจะถ่ายทอดดนตรีจากผู้ประพันธ์ไปจนถึงผู้ฟังคืออะไร ?
ก.เครื่องบรรเลงและเสียง
ข.เครื่องคัดลอก
ค.ผู้บรรเลงและผู้ขับร้อง
ง.ผู้ประพันธ์
[ยุคสมัยกรีก]
6. วัฒนธรรมสมัยกรีกแยกเป็น....สาย ?
ก.1
ข.2
ค.3
ง.4
7. Mythical period ใช้ประกอบพิธีกรรมของลัทธิเทพเจ้าอะไร ?
ก.ซีอุส
ข.อีธอส
ค.อพอลโล
ง.ไดโอนีซัส
8. ลักษณะใดเป็นการขับร้องที่มีการดีดพิณไลร่า ?
ก.บาดส์
ข.คีธารา
ค.ลีริก
ง.ไดธีแรมบ์
9. คำสอนที่ว่า "การเรียนดนตรีอย่างเดียวทำให้อ่อนแอและเป็นคนมีปัญหา การเรียนกีฬาอย่างเดียว
     ทำให้เป็นคนที่อารมณ์ก้าวร้าวและไม่ฉลาด"เป็นคำสอนของใคร ?
ก.อริสโตเติล
ข.โฮเมอร์
ค.ไพธากอรัส
ง.เปลโต
10. ผู้ค้นพบกฎพื้นฐานของเสียงคือใคร ?
ก.พาตินุส
ข.เธสพิส
ค.โซไรเลส
ง.ไพธากอรัส

แบบทดสอบดนตรีสากล

var numChoi = 4; var answers = new Array(20); answers[0] = "ก"; answers[1] = "ค"; answers[2] = "ค"; answers[3] = "ก"; answers[4] = "ก"; answers[5] = "ข"; answers[6] = "ค"; answers[7] = "ก"; answers[8] = "ง"; answers[9] = "ง"; answers[10] = "ง"; answers[11] = "ข"; answers[12] = "ค"; answers[13] = "ข"; answers[14] = "ข"; answers[15] = "ก"; answers[16] = "ข"; answers[17] = "ก"; answers[18] = "ก"; answers[19] = "ค"; function getScore(form) { var score = 0; var currElt; var currSelection; for (i=0; i var correctAnswers = ""; for (i=1; i<=numQues; i++) { correctAnswers += "ข้อที่ " + i + ". \nคำตอบคือ " + answers[i-1] + "\r\n"; } form.solutions.value = correctAnswers ; }

-->

แบบทดสอบ วิชา ดนตรีสากล รหัสวิชา ศ43101 ระดับ ม. 6

เรื่อง วิวัฒนาการดนตรีสากล จำนวน 20 ข้อ คะแนน 20 คะแนน
==============================================================================================
[20 th Century Period ค.ศ.1900-2000]
1. ลักษณะของดนตรีที่มีการใช้บันไดเสียงมากกว่า 1 บันไดเสียงเรียกว่าอะไร ?
ก.โพลีโทนาลิตี้
ข.อโทนาลิตี้
ค.นาโนโทราลิตี้
ง.ไมโครนาลิตี้
2. ข้อที่น่าสังเกต เพลงในศตวรรรษนี้มี ลักษณะในแนวทางใด ?
ก.Romantic
ข.Rock
ค.Classic
ง.Pop
3. ผู้ประพันธ์คนใดเป็นทั้ง ผู้ประพันธ์ เพลงและนักไวโอลิน ?
ก.อารอน คอปแลนด์
ข.อีกอร์ สตราวินสกี
ค.พอล ฮินเดมิธ
ง.อาร์โนลด์ โชนเบิร์ก
4. ผลงานการประพันธ์ของชอสตาโกวิธที่เป็นผลงานขนาดใหญ่คืออะไร ?
ก.ซิมโฟนี 15 บท
ข.เพลงเต้นรำ ดนตรีแจ๊ส
ค.Zyklus สำหรับเครื่องประกอบจังหวะ
ง.โอเปร่า
5. เครื่องมือเครื่องใช้ของคนในการจะถ่ายทอดดนตรีจากผู้ประพันธ์ไปจนถึงผู้ฟังคืออะไร ?
ก.เครื่องบรรเลงและเสียง
ข.เครื่องคัดลอก
ค.ผู้บรรเลงและผู้ขับร้อง
ง.ผู้ประพันธ์
[ยุคสมัยกรีก]
6. วัฒนธรรมสมัยกรีกแยกเป็น....สาย ?
ก.1
ข.2
ค.3
ง.4
7. Mythical period ใช้ประกอบพิธีกรรมของลัทธิเทพเจ้าอะไร ?
ก.ซีอุส
ข.อีธอส
ค.อพอลโล
ง.ไดโอนีซัส
8. ลักษณะใดเป็นการขับร้องที่มีการดีดพิณไลร่า ?
ก.บาดส์
ข.คีธารา
ค.ลีริก
ง.ไดธีแรมบ์
9. คำสอนที่ว่า "การเรียนดนตรีอย่างเดียวทำให้อ่อนแอและเป็นคนมีปัญหา การเรียนกีฬาอย่างเดียว
     ทำให้เป็นคนที่อารมณ์ก้าวร้าวและไม่ฉลาด"เป็นคำสอนของใคร ?
ก.อริสโตเติล
ข.โฮเมอร์
ค.ไพธากอรัส
ง.เปลโต
10. ผู้ค้นพบกฎพื้นฐานของเสียงคือใคร ?
ก.พาตินุส
ข.เธสพิส
ค.โซไรเลส
ง.ไพธากอรัส

เครื่องดนตรีสากล

 เคาเบลล์ (Cowbell)  คือ เครื่องดนตรีประเภทตีทำจังหวะ พัฒนามาจากกระดิ่งผูกคอวัว รูปทรงจะคลายกับระฆังมากกว่ากระดิ่ง ตีด้วยไม้ตีกลอง


    กลองชุด (Drum set)  คือเครื่องตีประกอบด้วยกลองใหญ่ กลองสะแนร์ ฉาบ 1 หรือ 2 ฝา กลองทอม 2 หรือ 3 ใบ ไฮแฮท กระเดื่องเท้า พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องทำจังหวะอื่น ๆ เช่น เคาเบลล์

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

กิจกรรมงานวันเด็ก


วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556

งานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2556

เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2556  คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะครู นักเรียน ผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนชุมชนบ้านนาดีหนองไผ่  ร่วมกันจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2556 ขึ้น ที่อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนชุมชนบ้านนาดีหนองไผ่ โดยมี นายโสภณ เหลาแตว ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี อ่านสาส์นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ส่งความระลึกถึง ความห่วงใยและความปรารถนาดีมายังเด็กและเยาวชนไทยทุกคน ภายใต้คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2556 " รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพื่อพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน"  ภายในงานมีกิจกรรมการแสดงต่างๆ ของนักเรียนทั้งระดับปฐมวัย และระดับประถมศึกษา  การแจกขนม ให้กับเด็กและเยาวชนที่มาร่วมงาน รวมทั้งการมอบทุนการการศึกษาให้กับนักเรียนโรงเรียนชุมชนบ้านนาดีหนองไผ่ จากเงินดอกผลกองทุนการศึกษาที่ผู้ปกครองมอบให้เป็นทุนการศึกษาแ่ก่นักเรียนที่มีความประพฤติดี ทั้งระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาตอนต้น  และได้รับการสนับสนุนขนมชนิดต่างๆ จากท่านผู้ปกครองเป็นอย่างดี

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

ข้อสอบการงานเทคโนโลยีสารสนเทศ

1.       ข้อใดหึความหมายของคำว่า “ ข้อมูลสารสนเทศ ” ไม่ถูกต้อง ?
ก. ข้อมูลที่ดีมีความถูกต้องมากกว่าสารสนเทศ
ข. ข้อมูลเป็น Input สารสนเทศเป็น Output
ค. สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว
ง. สารสนเทศ ใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าข้อมูล
ตอบข้อ ก. ข้อมูลที่ดีมีความถูกต้องมากกว่าสารสนเทศ
2.       ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับระบบสารสนเทศทั่วไป ?
ก. information คือ ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลจากระบบประมวลผลข้อมูล
ข. วัตถุประสงค์ของ input component คือ รวบรวมข้อมูลดิบจากแหล่งต่างๆ
ค. ระบบสารสนเทศเป็นระบบพื้นฐานที่สำคัญของระบบประมวลผลข้อมูล
ง. cybernetic system คือระบบที่ย้อนนำผลลัพธ์จากประมวลผลมาเพื่อควบคุม
ตอบข้อ ง. cybernetic system คือระบบที่ย้อนนำผลลัพธ์จากประมวลผลมาเพื่อควบคุม
3.       ข้อใดคือจริยธรรมทางวิชาการคอมพิวเตอร์ที่นักคอมพิวเตอร์ต้องยึดถือปฏิบัติ ?
ก. ไม่ละเมิดข้อมูลส่วนตัว                  ข. ถูกต้องตามกฎหมาย
ค. มีเหตุผลสูง                                      ง. ถูกทุกข้อ
ตอบข้อ ง. ถูกทุกข้อ
4.       Booting หมายถึง ?
ก. การตรวจหาไวรัสและกำจัดไวรัส
ข. การเริ่มต้นระบบคอมพิวเตอร์ให้พร้อมใช้งาน
ค. การตรวจสอบข้อบกพร่องในระบบคอมพิวเตอร์
ง. การยุติการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์
ตอบข้อ ข. การเริ่มต้นระบบคอมพิวเตอร์ให้พร้อมใช้งาน
5.       ส่วนใดระบบคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่คำนวณและเปรียบเทียบ ?
ก. CPU                                                                  ข. BUS
ค. AUL                                                                  ง.  RAM
ตอบข้อ ค. AUL
6.       หน่วยงานใดของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ในการเข้ารหัส (Encoding) จากสื่อความหมายที่มนุษย์เข้าใจเป็นสื่อความหมายที่คอมพิวเตอร์เข้าใจในรูป สัญญาณทางไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปประมวลผลข้อมูล ?
ก. หน่วยรับข้อมูล                                                ข. หน่วยแสดงข้อมูล
ค. หน่วยควบคุม                                                   ง. หน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์
ตอบข้อ ก. หน่วยรับข้อมูล
7.       เครื่องมือออกแบบโปรแกรมในข้อใดเป็นเครื่องมือสำหรับออกแบบโปรแกรมแบบ Top-Down ?
ก. Program Flowchart                                       ข. System Flowchart
ค. HIPO Chart                                                     ง. Pseudo code
ตอบข้อ ค. HIPO Chart
8.       เครื่องพิมพ์เครื่องหนึ่งมีคุณสมบัติ 12 PPM หมายถึงอะไร ?
ก. ป้อนกระดาษได้ครั้งละ 12 แผ่น
ข. พิมพ์ผลลัพธ์ได้ 1 แผ่น ภายใน 12 วินาที
ค. พิมพ์ผลลัพธ์ได้ 12 แผ่น ภายใน 1 นาที
ง. พิมพ์ผลลัพธ์ได้ พร้อมกัน 12 แผ่น
ตอบข้อ ค. พิมพ์ผลลัพธ์ได้ 12 แผ่น ภายใน 1 นาที
9.       จำนวนเลขที่แทนด้วย 0 และ 1 เป็นจำนวนเลขฐานใด ?
ก. Octal Number                                                 ข. Decimal Number
ค. Hexadecimal Number                                 ง. Binary Number
ตอบข้อ ง. Binary Number
10.    หน่วยวัดความจุใดมีค่าน้อยที่สุด ?
ก. Terabyte                                                           ข. Megabyte
ค. Gigabyte                                                           ง. Byte
ตอบข้อ ง. Byte